TKP HEADLINE

สวนเกษตรอินทรีย์ป๋านึก นางสาวรัตติกาล สายยาโน


สวนเกษตรอินทรีย์ที่เกิดจากความมานะอุตสาหะโดยแท้ ป๋านึกใช้เวลานานกว่า 10 ปีในการเปลี่ยนสภาพดินที่เป็นสีขาวเพาะปลูกอะไรก็ไม่ได้ผลมาเป็นดินที่ดีจนมีสวนขนาดใหญ่สร้างรายได้อย่างงดงามอย่างทุกวันนี้ด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และความอดทน ที่นี่มีมะนาวหลายต้น มีมะพร้าวมากมาย และผักสวนครัวหลายแปลงปลูกผักสำหรับจะกินเป็นอาหาร เป็นสวนผสมผสานขนานแท้ มะพร้าวที่นี่ต้นไม่สูงแต่ถ้ามองขึ้นไปจะเห็นว่ามีลูกมะพร้าวดกมากๆ พี่อุ้มเก็บมะพร้าวมาเปิดให้เรากินสดๆ จากสวนหวานชื่นใจ แล้วยังมีน้ำมะนาวให้เราชิมสูตรเปรี้ยว และหวานอมเปรี้ยว หายเหนื่อยกันเรียบร้อยต้อนนี้พี่อุ้มก็จะลงมือสอนการทำลูกประคบจากสมุนไพรไม่กี่อย่างที่ปลูกเองที่สวนผสมกับการบูรที่ซื้อมาจากตลาดมามัดรวมกันเป็นลูกประคบกลมๆ ปกติลูกประคบแค่เอาใส่ห่อผ้าแล้วมัดให้แน่นก็ใช้ประคบได้แต่ถ้าจะแสดงฝีมือและความประณีตของเจ้าของต้องมีกระบวนการมัดที่สวยงามเพราะลูกประคบพอทำเสร็จแล้วมันสามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน นอกจากประโยชน์จะเอามาประคบให้คลายปวดเมื่อยและผ่อนคลายกล้ามเนื้อแล้ว สมุนไพรที่ประกอบอยู่ในลูกประคบเอามาวางในห้องนอนทำให้หลับสบายได้ด้วย จะเอามาทำเป็นรายได้เสริมก็สบายมาก ศึกษาเพิ่มเติม

ลานหีบอ้อยโบราณ


หีบอ้อยโบราณ ตำนานน้ำอ้อย บ้านป่าคาหมู่ 2 ตำบลบ่อสวก (Legendary Sweet Treat)
ชุมชนบ้านป่าคา หมู่ที่ 2 ตำบลบ่อสวก ในอดีตเคยเป็นแหล่งเพาะปลูกและผลิตน้ำอ้อยที่สำคัญของจังหวัดน่าน เพราะในอดีตคนในชนบทจะบริโภคและใช้น้ำอ้อย แทนน้ำตาลทราย ทุกครอบครัวจะมีอาชีพปลูกอ้อย และแปรรูปน้ำอ้อยสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นมาจากบรรพบุรุษ ด้วยสภาพของดินร่วนปนทรายและมีโปแต๊สเซี่ยมอยู่ในดิน เหมาะสมกับการปลูกอ้อยและทำให้อ้อยมีความหวาน เป็นพิเศษ ซึ่งในอดีตทุกครอบครัวจะมีหีบอ้อยโบราณ ที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็งและเหนียวทนทาน เช่น ไม้ประดู่ ที่ตัดมาทั้งลำต้น มาเหลา (กลึง) ด้วยขวาน พอได้ขนาดแล้วเจาะเป็นภู สลับกับร่องลึกลงในเนื้อไม้เพื่อเป็นแกนในการขับเคลื่อน จากการประกบกันของหีบอ้อย จำนวน 2 เลา (ต้น) ซึ่งในอดีตจะใช้ทั้งแรงงานคนในการหมุนหีบห้อยในขั้นตอนการหีบอ้อยเพื่อเอาน้ำอ้อยไปต้ม เพื่อเคี่ยวน้ำอ้อยให้เป็นก้อน ต่อมามีผู้ออกแบบทำหีบอ้อย จาก 2 เลา (ต้น) เป็น 3 เลา (ต้น) และฝึกให้กระบือ (ควาย) ในการหมุนหีบอ้อยโบราณ ดังกล่าวศึกษาเพิ่มเติม

น้ำอ้อยบ้านป่าคา



ในอดีต “น้ำอ้อย”  ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการปรุงอาหารท้องถิ่นเมืองน่าน ใช้เพื่อให้รสชาดความหวาน เป็นของที่มีประโยชน์มากสำหรับครัวเรือน ใช้รับรองแขกผู้มาเยือน ใช้แลกเปลี่ยนผลผลิตกับบ้านใกล้เรือนเคียง และขาดไม่ได้ในการใช้ประกอบอาหารสำหรับงานบุญประเพณีสำคัญทางศาสนา เช่น งานนมัสการพระธาตุ (ขึ้นธาตุ) และถือเป็นขนมของฝากที่มีคุณค่ายิ่ง ปัจจุบัน ชุมชนบ้านป่าคา ตำบลบ่อสวก อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ยังคงสืบทอดการผลิตน้ำอ้อยจากบรรพบุรุษ เพื่อหาเลี้ยงชีพด้วยวิถีพอเพียง ทั้งส่งจำหน่ายทั่วไปภายในชุมชนและภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดน่าน รวมทั้งเป็นของที่ระลึกที่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนให้ความสนใจหาซื้อเป็นอย่างมาก ศึกษาเพิ่มเติม

ภัยแล้งคืออะไร



ภัยแล้ง คือ ภัยที่เกิดจากการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นเวลานาน จนก่อให้เกิดความแห้งแล้ง และส่งผลกระทบต่อชุมชน 2. สาเหตุของการเกิดภัยแล้งมีอะไรบ้าง สำหรับภัยแล้งในประเทศไทย ส่วนใหญ่เกิดจากฝนแล้งและทิ้งช่วง ซึ่งฝนแล้งเป็นภาวะปริมาณฝนตกน้อยกว่าปกติหรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล

ศึกษาเพิ่มเติม

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครราชสีมา


ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครราชสีมา จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม2537 อนุมัติให้กรมการศึกษานอกโรงเรียน จัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาขึ้น 12 จังหวัด  และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องจัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา จังหวัดสมุทรสาคร ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี นครสวรรค์ ลำปาง และ สระแก้ว
เรียนรู้เพิ่มเติม

ประวัติของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา




ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เปลี่ยนชื่อสังกัด จากสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน เป็น สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 38 ไร่ 86 ตารางวา

อ่านเพิ่มเติม

อวกาศใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด


สูงขึ้นไปเหนือพื้นโลกร้อยกิโลเมตรคืออาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลเรียกว่า “อวกาศ” มนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตในอวกาศได้ นั่นเป็นเหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกทุ่มเทค้นคว้า เพื่อใช้ประโยชน์จากอวกาศให้มากที่สุด ถ้ากล่าวถึง “เทคโนโลยีอวกาศ” เราจะนึกถึง จรวด กระสวยอากาศ สถานีอวกาศ ชุดมนุษย์อวกาศนั่นเป็นเพียงประโยชน์ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ในชีวิตประจำวันเราใช้“บริการ” จากอวกาศโดยไม่รู้ตัว
 
Copyright © 2018 ศูนย์ข้อมูลความรู้ประชาชน สถาบัน กศน.ภาคเหนือ. Designed by OddThemes > Developed by mediathailand